ผ้าจก คือการควัก เส้นไหมหรือเส้นฝ้าย ขึ้นมาจากข้างล่างสอดสลับเป็นลวดลายตามต้องการโดยใช้ขนแม่นคล้ายทอสลับกับการปัก คือ ต้องอาศัยความชำนาญมากลวดลายของผ้าจกคล้ายกับลายขิด แต่ละขิดแต่ละหน่วยไม่อาจทำลายสีสลับกันได้ เพราะใช้เส้นพุ่งเส้นเดียวตลอดในแต่ละครั้ง แต่ละหน่วยแต่ละลายจึงทำได้เพียงสีเดียว ส่วนลายจกจะทำสีลายสลับกันได้ต้องการสีอะไรตรงไหนก็สอดไหมสีนั้นลงไป แล้วควักขึ้นมา จากนั้นกระแทกด้วยฟืมให้แน่นผ้าจกส่วนมากชอบทำเป็นผ้าสไบ (ผ้าเบี่ยง) ที่รู้จักกันดี ได้แก่
ผ้าแพรวา ของกาฬสินธิ์ นอกจากนั้นยังนิยมทำเป็นลายตีนซิ่น
ผ้าแส่ว คือ ผ้าที่ใช้เก็บรักษาและสืบทอดลวดลายนั้น โดยจะทำลวดลายตัวอย่างเก็บรวมกันไว้ในผ้าฝ้ายสีขาวขนาดกว้างประมาณ 40 เซนติเมตร ยาวประมาณ 50 เซนติเมตร แต่จะไม่กว้างหรือยาวเกินไป เพราะสะดวกในการกางดูลายและเก็บรักษา
ลวดลายผ้าจกนั้น โดยเฉพาะผ้าแพรวามีความโดดเด่นและลักษณะพิเศษโดยได้รับอิทธิพลจากสิ่งแวดล้อมและะรรมชาติ ส่วนใหญ่จะทอลายหลักใหญ่ ๆ เพียง 4-5 ลายเท่านั้น เช่น ลายดอกกระบวนเอง ลายกิ่ว ลายใบ-บุ่นหว่าน ลายพันมหา ลายนาคหัวจุ้ม และลานนาคหัวจุ้มสองแขน
ผ้าแพรวา ของกาฬสินธิ์ นอกจากนั้นยังนิยมทำเป็นลายตีนซิ่น
ผ้าแส่ว คือ ผ้าที่ใช้เก็บรักษาและสืบทอดลวดลายนั้น โดยจะทำลวดลายตัวอย่างเก็บรวมกันไว้ในผ้าฝ้ายสีขาวขนาดกว้างประมาณ 40 เซนติเมตร ยาวประมาณ 50 เซนติเมตร แต่จะไม่กว้างหรือยาวเกินไป เพราะสะดวกในการกางดูลายและเก็บรักษา
ลวดลายผ้าจกนั้น โดยเฉพาะผ้าแพรวามีความโดดเด่นและลักษณะพิเศษโดยได้รับอิทธิพลจากสิ่งแวดล้อมและะรรมชาติ ส่วนใหญ่จะทอลายหลักใหญ่ ๆ เพียง 4-5 ลายเท่านั้น เช่น ลายดอกกระบวนเอง ลายกิ่ว ลายใบ-บุ่นหว่าน ลายพันมหา ลายนาคหัวจุ้ม และลานนาคหัวจุ้มสองแขน
แหล่งที่มา
1.จาก “สังคมและวัฒนธรรมอีสาน” เอกสารประกอบนิทรรศการถาวร “อีสานนิทัศน์” 2549 หน้า 125-188
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น